วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คำประพันธ์ที่ใช้แต่ง

ร่ายสุภาพ

                ร่ายสุภาพ คือ ร่ายที่กำหนดคำในวรรคและการสัมผัสเหมือนร่ายดั้นทุกประการ ส่วนการจบบท ใช้โคลงสองสุภาพจบ และนิยมมีคำสร้อยปิดท้ายด้วย และอาจแต่งให้มีคำสร้อยสลับวรรคก็ได้
                ร่ายสุภาพบทหนึ่งมีตั้งแต่ ๕ วรรคขึ้นไป และตอนท้ายต้องจบด้วยโคลงสองสุภาพ ร่ายสุภาพแต่ละวรรคกำหนดให้มี ๕ คำ เมื่อรวมกับโคลงสองสุภาพแล้วจะได้แผนผังดังนี้
                 สำหรับสัมผัสบังคับของร่ายสุภาพ กำหนดให้คำสุดท้ายของวรรคหน้าส่งสัมผัสไปยังคำที่ ๑ หรือที่ ๒ หรือที่ ๓ เพียงดำใดคำหนึ่งในวรรคถัดไป การส่งสัมผัสเป็นไปเช่นนี้จนกระทั่งจบด้วย โคลงสองสุภาพ ส่วนสัมผัสในซึ่งเป็นสัมผัสที่ไม่บังคับในร่ายสุภาพใช้ไดทั้งสัมผัสพยัญชนะและ สัมผัสสระ แต่นิยมสัมผัสพยัญชนะมากกว่า

ตัวอย่างร่ายสุภาพ
           เสร็จเสาวนีย์สั่งสนม         เนืองบังคมคำราช         พระบาทบทันนิทรา         จวนเวลาล่วงสาง         พื้นนภางค์เผือดดาว         แสงเงินขาวขอบฟ้า         แสงทองจ้าจับเมฆ    ฯลฯ        ขอลาองค์ท่านไท้         ไปเผด็จดัสกรให้         เหือดเสี้ยนศึกสยาม         สิ้นนา



โคลงสองสุภาพ 

              โคลงสองสุภาพบทหนึ่งมี ๓ วรรค ๆ หนึ่งมี ๕ คำ ยกเว้นวรรคสุดท้ายมีเพียง ๔ คำ ในตอนท้ายมีคำสร้อยได้ ๒ คำ ดังแผนผังดังนี้

            สัมผัสของโคลงสองสุภาพมีเพียงแห่งเดียว คือคำสุดท้ายของวรรคแรกส่งสัมผัสไปยังคำสุด ท้ายของวรรคที่ ๒

ตัวอย่างโคลงสองสุภาพ


โคลงสามสุภาพ

            โคลงสามสุภาพบทหนึ่งจะมี ๔ วรรค วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสามจะมีจํานวนคำวรรคละ ๕ คำ ในวรรคสี่ จะมีจำนวนคำ ๔ คำ ซึ่งรวมทั้งหมด ๔ วรรคจะมีจำนวนคำรวมทั้งสิ้น ๑๙ คำ และในวรรคสุดท้ายสามารถที่จะใส่คำสร้อยได้เพิ่มขึ้นอีก ๒ คำ
           จำนวนพยางค์ต้องมีตามหน่วยที่ได้เขียนไว้ในแผนผัง ถ้าหากเป็นพยางค์ลักษณะของลหุอาจจะมีได้มากเกินกว่าที่แผนผังได้กำหนดไว้ก็ได้ แต่จะต้องไม่ยาวจนมีความรู้สึกว่าเยิ่นเย้อจนทําให้อ่านไห้ถูกทํานองและจังหวะไม่ได้
            การสัมผัสของบทกลอน คำที่ ๕ วรรคหนึ่ง จะต้องสัมผัสกับคำที่ ๑ หรือคำที่ ๒ หรือคำที่ ๒ ของวรรคสอง จากแผนผังจะเห็นว่ารูปแบบการสัมผัส ซึ่งสามารถเลือกสัมผัสคำใดคำหนึ่งจากที่กล่าวมา นอกจากนี้คำสุดท้ายวรรคสอง จะต้องสัมผัสกับคำที่ ๕ วรรคสามด้วย หากเป็นการแต่งเพื่อเข้าลิลิต จะต้องให้คำสุดท้ายของบทสัมผัสกับคำที่ ๑ คำที่ ๒ หรือ คำที่ ๓ ในวรรคหนึ่ง ของบทต่อๆ ไปในทุกบท
แผนผังโคลงสามสุภาพ




 
ตัวอย่างโคลงสามสุภาพ



โคลงสี่สุภาพ
        โคลงสี่สุภาพหนึ่งบทจะมี ๔ บรรทัด บรรทัดหนึ่งเรียกว่า "บาท" เพราะฉะนั้นโคลงสี่สุภาพหนึ่งบท จะมี ๔ บาท ในบาทหนึ่งจะมี ๒ วรรค วรรคหน้าจะมี ๕ คำ วรรคหลังของบาทที่ ๑ บาทที่ ๒ และบาทที่ ๓ จะมี ๒ คำ ส่วนวรรคหลังของบาทที่ ๔ จะมี ๔ คำ ซึ่งรวมแล้วโคลงสี่สุภาพหนึ่งบทจะมีจำนวนคำทั้งสิ้น ๓๐ คำ
        จำนวนพยางค์ต้องมีตามหน่วยที่ได้เขียนไว้ในแผนผัง ถ้าหากเป็นพยางค์ลักษณะของลหุอาจจะมีได้มากเกินกว่าที่แผนผังได้กำหนดไว้ก็ได้ แต่จะต้องไม่ยาวจนมีความรู้สึกว่าเยิ่นเย้อจนทําให้อ่านไห้ถูกทํานองและจังหวะไม่ได้
        การสัมผัส โคลงสี่สุภาพมีรูปแบบการสัมผัสดังแผนผัง นอกเหนือจากการสัมผัสบังคับตามแผนผังแล้ว นั้น ยังมีการสัมผัสอีกสองรูปแบบที่ช่วยเพิ่มความไพเราะให้กับคำประพันธ์ที่เป็น โคลงสี่สุภาพยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งได้แก่

สัมผัสใน ได้แก่คำที่คล้องจองกันและอยู่ในวรรคเดียวกัน จะเป็นสัมผัสคู่เรียงคำไว้ติดต่อกัน หรือจะเป็นสัมผัสสลับ คือเรียงคำอื่นแทรกคั่นไว้ระหว่างคำสัมผัสก็ได้ สุดแต่จะเหมาะทั้งไม่มีกฎเกณฑ์จํากัดไว้ว่า จะต้องมีอยู่ตรงนั้นตรงนี้เหมือนอย่างสัมผัสนอก และไม่จำเป็นจะต้องใช้สระอย่างเดียวกันด้วย เพียงแต่ให้อักษรเหมือนกันหรือเป็นอักษรประเภทเดียวกันหรืออักษรที่มีเสียงคู่กันก็สามารถนำมาใช้ได้ สัมผัสในสามารถแบ่งแแกได้เป็น ๒ ชนิดได้แก่ สัมผัสสระ และสัมผัสอักษร
สัมผัสอักษร การสัมผัสอักษรระหว่างวรรคคือการให้คำสุดท้ายของวรรคหน้า สัมผัสอักษรกับคำหน้าของวรรคหลังเช่น ขึ้น กับ เคียง กา กับ กู่ ตา กับ ตาม จ้อง กับ จึ่ง ดังตัวอย่างข้างล่าง    


แผนผังโคลงสี่สุภาพ

ตัวอย่างโคลงสี่สุภาพ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น